วันอังคาร, มีนาคม 26

ขนมเต้าส่วน


เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* แป้งมัน 50 กรัม
* ถั่วเขียวเลาะเปลือก 250 กรัม
* น้ำเปล่า 900 กรัม
* หัวกะทิ 200 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
* แป้งเข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือก ล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปใส่ผ้าขาวบางและนำไปนึ่งจนสุก
2. ระหว่างรอถั่วเขียวนึ่ง เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือและนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนสักพักจึงใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปกวนจนแป้งสุกจึงปิดไฟ และพักไว้
3. นำน้ำเปล่าไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนจนละลายดี เสร็จแล้วใส่แป้งมัน ลงไปคนต่อจนแป้งสุกใส ใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไป คนจนกระจายทั่ว จึงปิดไฟ
4. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง) พร้อมเสริฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น

ขนมสาคูเปียกมะพร้าวอ่อน


เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* สาคู 200 กรัม
* น้ำตาลทราย 250 กรัม
* เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้น 100 กรัม
* น้ำเปล่า 900 กรัม
* หัวกะทิ 100 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา
 วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำน้ำเปล่าใส่ลงในหม้อและตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ขณะรอน้ำเดือดนำสาคูไปล้างในน้ำเปล่าอย่างรวดเร็ว
2. เมื่อน้ำเดือด จึงใส่สาคูลงในหม้อ คนอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เม็ดสาุคูเกาะตัวกัน ต้มจนเกือบสุก โดยเม็ดสาคูจะมีลักษณะใส จะเหลือจุดขาวๆภายในเม็ดสาคู
3. ใส่น้ำตาลทรายลงไปในหม้อ คนจนน้ำตาลละลายจึงใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งจึงปิดไฟ
4. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้
5. ตักสาคูมะพร้าวอ่อนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ พร้อมเสริฟรับประทานได้ทันที

น้ำผลไม้แก้ปากเหม็น


ส่วนผสม
 แอปเปิ้ลเขียว   1 ลูก
 มะเขือเทศ 2 ลูก
 แครอท 150 กรัม
 น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ
 เกลือ ½ ช้อนชา
 น้ำต้มสุก ½ ถ้วยตวง
 น้ำแข็งทุบ 1 ถ้วยตวง

  1. ล้างผลไม้ทุกอย่างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ
  2. ใส่ ผลไม้ทุกอย่างลงในเครื่องปั่นแล้วเติมน้ำต้มสุกและน้ำเชื่่อมและเกลือลงไป จากนั้นปั่นพอละเอียดเติมน้ำแข็งลงไปปั่นจนละเอียด เป็นอันเสร็จ ( หากใครที่ชอบทานแต่น้ำเวลาปั่นผลไม้เสร็จให้กรองเอาแต่น้ำโดยใช้ผ้าขาวบาง พาดบนภาชนะ หรือแก้วที่ปากใหญ่แล้วใช้มือหรือ ยางรัด ดึงให้ผ้าตึงจากนั้นเทน้ำผลไม้ลงไป ปล่อยให้น้ำผลไม่ไหลผ่าน อย่าบีบน้ำ หรือ คน เด็ดขาด เพราะจะทำให้น้ำข้นไม่น่าดื่ม จากนั้นก็เทใส่แก้วใสน้ำแข็งลงไป ) 
  3. รินใส่แก้วตกแต่งให้สวยงาม เสิร์ฟ

น้ำผลไม้ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี

กล้วยหอม 1 ลูก 
สัปปะรด 150 กรัม 
นมสด 1 ถ้วยตวง 
เกลือ ½ ช้อนชา 
น้ำแข็งทุบ   1 ถ้วยตวง


  1. หั่นกล้วยและสัปปะรดเป็นชิ้นๆ
  2. ใส่กล้วยและสัปปะรดลงในเครื่องปั่นแล้วเติมมนสด และเกลือลงไป ปั่นพอละเอียด ใส่น้ำแข็งทุบลงไปปั่นเป็นอันเสร็จ
  3. รินน้ำใส่แก้วตกแต่งให้สวยงาม

น้ำปั่นลดคอเลสเตอรอล

 แตงกวาญี่ปุ่น 2 ลูก
 แอปเปิ้ลเขียว 2 ลูก
 คื่นช่ายฝรั่งเฉพาะก้าน   1 ก้าน
 เกลือ 1 ช้อนชา
 น้ำแข็ง 1 ถ้วยตวง
 น้ำต้มสุก ½ ถ้วยตวง
 น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ
  

 วิธีทำ 
   
 ล้าง แอปเปิ้ล แตงกวา คื่นช่ายให้สะอาด จากนั้น หั่นแตงกวาเป็นชิ้นเล็กปอกเปลือกแอปเปิ้ลเขียวแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก คื่นช่ายหั่นเป็นท่อน เอาส่วนที่แก่ๆ ทิ้ง

น้ำข้าว งาดำ ถั่วแดง

เครื่องปรุง

- ข้าวกล้อง 1 ถ้วยตวง
- งาดำคั่วและป่นแล้ว 1 ถ้วยตวง
- ถั่วแดง 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำเชื่อม
       
วิธีทำ     
แช่ถั่วแดงค้างคืนไว้ จากนั้นเอาข้าวกล้องมาต้มกับถั่วแดงจนเปื่อย แล้วเอาใส่ลงไปในเบลนเดอร์พร้อม ๆ กับงาดำที่ป่นแล้ว ปั่นให้ละเอียดจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นกรองเอากากออก เก็บน้ำเอามาดื่ม หากชอบหวานก็ใส่น้ำเชื่อมลงไปนิดหน่อย คนให้เข้ากัน
       
หมายเหตุ     
เครื่องดื่มนี้มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและโปรตีน แถมเป็นโปรตีนครบส่วนแล้วจากการเอาข้าวกล้องมาใช้กับถั่วแดงและงาดำ นอกจากนี้งาดำยังมีแคลเซียมสูงมาก อาจใช้เป็นเครื่องดื่มแทนน้ำเต้าหู้ในมื้อเช้า 

เอล เพอร์ซิดอง (El Persidente)


ส่วนผสม?
รัมขาว (Light Rum) 1 ออนซ์
แองโกสทูร่า บิตเตอร์ (Angostura Bitter) 1/3 ช้อนชา
ออเร้นจ์ คูราโซ่ (Orange Curacao) 1/3 ช้อนชา
น้ำเชื่อมทับทิม 1/3 ช้อนชา
วิธีผสม
1.?แช่แก้วดับเบิ้ล มาตินี่ให้เย็น
2.?ใส่น้ำแข็งก้อน 1/3 ของแก้วผสม
3.?ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ลงในแก้วผสม ใช้ช้อนบาร์คนเร็วๆ (8-12 ครั้ง)
4.?รินผ่านฝากรองใส่แก้วดับเบิ้ล มาร์ตินี่
แก้ว
ใช้แก้วดับเบิ้ล มาร์ตินี่ หรือแก้วขนาด 5-7 ออนซ์

สมูธตีแครนเบอร์รี่โอ๊ตโยเกิร์ต


เครื่องปรุง
1.แครนเบอร์รี่สด(หรือแบบแช่แข็ง)    1ถ้วย
2.โยเกิร์ตรสธรรมชาติ            1ถ้วย    (150 g.)
3.น้ำแข็งบด        3แก้ว
4.น้ำเชื่อม        1/4ถ้วย
5.ข้าวโอ๊ต        1/4ถ้วย
6.นมสดชนิดจืด    1/4ถ้วย

งบประมาณต่อเมนู : 76 บาท
ระยะเวลาการปรุง : 10 นาที
วิธีทำ (สำหรับ 2 ที่)
1. นำแครนเบอร์รี่ใส่ลงในโถปั่น ใส่โยเกิร์ต น้ำแข็งบด นมสด และน้ำเชื่อม ปั่นให้เข้ากัน
2. ใส่ข้าวโอ๊ตชนิดเกล็ดละเอียด ปั่นพอเข้ากัน รินใส่แก้วดื่มทันที
เคล็ด(ไม่)ลับเพื่อสุขภาพ
  • ข้าวโอ๊ตเป็นพืชเมล็ดที่มีสารอาหารมากที่สุด อุดมไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุ และใยอาหารที่ละลายในน้ำ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานตามปกติ
  • แครนเบอร์รี่ประกอบด้วยกรดเอลลาจิก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดสารก่อมะเร็ง และป้องกันโรคหัวใจในระยะเริ่มต้นได้

เชอร์เบทสตรอเบอรี่สด


ส่วนผสม1.สตรอเบอรี่สด 20 ลูก
2.น้ำตาลทราย 200 กรัม (หรือหวานน้อยมากตามชอบ)
- เกลือป่นเล็กน้อย
- น้ำแข็ง
- น้ำต้มสุกที่เย็น
(ถ้าต้องการให้หนืดขึ้นก็ผสมเจลาตินลงไปด้วยคะ แต่ไม่ได้ใส่เพราะอยากได้รสชาติแท้ ๆ ของผลไม้)
(นำน้ำตาลทรายมาทำเป็นน้ำเชื่อมรสเข้มข้นแล้วทิ้งไว้ให้เย็นก่อนก็ได้นะคะ)
ส่วนผสมไม่คงที่แล้วแต่ชอบรสแบบไหนก็เพิ่มส่วนนั้นตามชอบคะ

อุปกรณ์สำคัญ ก็คือเครื่องปั่นคะ

วิธีทำล้างสตรอเบอรี่ ผ่าซีก รอไว้ ใส่น้ำตาลทราย เกลือ น้ำแข็ง น้ำต้มสุก สตรอเบอรี่ลงในโถปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด มันจะปั่นยากสักนิด เพราะเราใส่น้ำน้อยคะ คนๆ ในโถปั่นเป็นระยะ ให้ทั่ว ปั่นจนละเอียด เข้ากันดีคะเทใส่ชามที่เป็นโลหะ แล้วนำเข้าช่องแช่แข็ง ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงแล้วนำออกมาใช้ช้อนหรือส้อม ตะกุยให้อากาศเข้าไปเอาใส่โถปั่นอีกครั้ง หรือไม่ปั่นก็ได้คะ แล้วเอาแช่ช่องฟิตอีก ค่อยเอาออกมาตะกุยทุก ๆ 2 ชั่วโมง ทำแบบนี้ประมาณ 4 ครั้ง จะได้เชอร์เบท..สตรอเบอรี่ รสเข้ม ฉ่ำใจไว้คลายร้อนแล้วคะ ง่าย ๆ แบบนี้หวังว่าพอจะทำให้ทุกคนชื่นใจกับความเย็นฉ่ำได้นะคะ

น้ำทับทิมสด

ส่วนประกอบ

1. เมล็ดทับทิม 2 ถ้วยตวง
2. น้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
3. น้ำต้มสุก 4 ถ้วยตวง
วิธีทำ

เอาเมล็ดทับทิมขยำกับน้ำต้ม ให้เนื้อออกจากเมล็ดมากที่สุด แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางใส่หม้อตั้งไฟ 5 นาที ยกลงใส่น้ำเชื่อมและเกลือคนให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเปรี้ยวหวานรินใส่ขวดที่ลวกน้ำร้อนแล้วปิดฝานำไปแช่เย็น จะได้น้ำทับทิมรสอร่อย เวลาเสิร์ฟใส่น้ำแข็งลงในแก้ว รินน้ำทับทิมใส่ดื่มแล้วชื่นใจ

แดนิช ไดรฟเว่อร์


ส่วนผสมแดนิช  ไดรฟเว่อร์
อะควาวิท (Akvavit)  1 ออนซ์
น้ำส้มสด
แก้วไฮ บอลล์ขนาด 8 – 10 ออนซ์
ส้มฝานและเชอร์รี่สำหรับตกแต่ง
ไม้คนเล็กๆ สำหรับใส่ในแก้ว
น้ำแข็งหลอด

วิธีผสมแดนิช  ไดรฟเว่อร์
1. ใส่น้ำแข็งก้อนให้เต็มแก้ว
2. ใส่อะควาวิท เติมน้ำส้มให้ต่ำจากระดับขอบแก้ว 1 นิ้ว
3. ประดับด้วยส้มฝานและเชอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมไม้คน

กีวีครีมอโลฮ่า

ส่วนผสม
 นมสดรสจืด 1/4 ถ้วย (2 จิ๊กเกอร์)
 ลูกกีวีหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ลูก
 น้ำมะนาวหวาน 1 ช้อนโต๊ะ (1/2 จิ๊กเกอร์)
 ไอศครีมวานิลลา 1ก้อน


วิธีทำ
1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่น ปั่นจนละเอียดดี
2. เทใส่แก้วสวยๆ ประดับปากแก้วด้วยกีวีสไลด์

น้ำบีทรูท


ส่วนผสม
  • บีทรูทสด 2 หัว
  • น้ำสะอาด 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/3 ช้อนชา

วิธีทำ  
นำบีทรูทมา ปอกเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด หั่นให้เป็นฝอยเล็กๆ ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำ กรองเอากากออก ใส่หม้อเคลือบตั้งไฟ แล้วเติมน้ำตาลทราย เกลือเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ ถ้าต้องการเพิ่มรสชาด ให้ผสมน้ำกระทกรกฝรั่งลงไปด้วยจะทำให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทานขึ้น

ประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพร
เป็นยาขับปัสสาวะ ยาระบาย เจริญอาหาร แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้บวมและแก้บิด

วันจันทร์, มีนาคม 11

โกลเด้น มิแดลอง


ส่วนผสมโกลเด้น มิแดลอง
บรั่นดี  (Brandy)  1 ออนซ์
กาลิอะโน่ (Galliano)    1 ออนซ์
น้ำส้มสด    1 ออนซ์
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว)   1 ออนซ์
เชคเกอร์
แก้วค็อกเทลขนาด 4 – 6 ออนซื
เชอร์รี่และยอดสะระแหน่สำหรับตกแต่ง
วิธีผสมโกลเด้น มิแดลอง
1. ใส่น้ำแข็งก้อนลงในเชคเกอร์ 3/4 ของเชคเกอร์
2. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเชคเกอร์ เขย่าแรงๆ เร็วๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันดี
3. รินผ่านฝากรองใส่แก้วค็อกเทล
4. ตกแต่งด้วยเชอร์รี่และยอดสะระแหน่

น้ำข่า


ส่วนผสม น้ำข่า
ข่าตากแห้ง 100 กรัม
น้ำร้อน 1000 กรัม
วิธีทำ น้ำข่า
1.นำข่าแก่ที่ตากแห้งแล้วใส่ลงในถ้วยกาแฟ 4-5 แว่น
2.รินน้ำร้อนเดือดใส่ลงในถ้วย ปิดฝาถ้วย ทิ้งไว้สักครู่หนึ่งแล้วค่อยดื่ม ควรดื่ม2-3 ถ้วยต่อวัน จะทำให้สบายท้องขึ้น หรือจะใช้ข่าสดก้อได้ 15 แว่น นำมาทุบให้แตก ต้มจนเดือด
3.วิธีเสริฟ ใส่ถ้วยกาแฟขณะร้อนจัด
สรรพคุณทางยา
ส่วนของเนื้อขนุนมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารและช่วยดูดซึมสารพิษจากการดื่มสุราได้ นอกจากนี้แล้วการรับประทานผลขนุนสุกก็ยังช่วยแก้กระหายได้อย่างดี ส่วนเมล็ดขนุนมีสรรพคุณในการเพิ่มน้ำนมมารดาภายหลังคลอด ใบของขนุนสามารถเป็นยาสมานแผล ยางของลำต้นขนุนมีสรรพคุณในการแก้ปวดลดอาการอักเสบ

สตรอเบอร์รี่ อิตาเลียน โซดา

- น้ำเชื่อมโทรานี่ รสสตรอเบอร์รี่ 30 มล.

    - โซดา 120 มล.

    - น้ำแข็ง 16 ออนซ์. 
   เทน้ำเชื่อมโทรานี่ลงในแก้วที่เติมน้ำแข็งเต็ม เทโซดาตามจนเต็มแก้ว

วันอังคาร, มีนาคม 5

บราวนี่ช็อคโกแลตครีมชีส



-ผงโกโก้ / 30 กรัม
-ครีมชีส / 150 กรัม
-น้ำตาลไอซิ่ง / 50 กรัม
-เนยสดชนิดเค็ม / 50 กรัม
วิธีทำ
  1. เตรียมบราวนี่ตามกรรมวิธีที่ระบุ
  2. ตีผสมโกโก้ผง 30 กรัม ครีมชีส 150 กรัม น้ำตาลไอซิ่ง 100 กรัม เนยสดชนิดเค้ม 50 กรัม ตีผสมจนขึ้นฟู
  3. แต่งหน้าเค้กให้สวย

สังขยาฟักทอง


เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)
* ไข่่ 4 ฟอง
* หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง
* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
* เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา
* น้ำปูนใส
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)
2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ

แปะก๊วยเห็ดหิมะ

ส่วนผสม
เมล็ดแปะก๊วย 10 เมล็ด (หรือจะมากกว่านี้ก็ได้ตามแต่จะชอบใส่)
เห็ดหิมะ (เห็ดหูหนูขาว) 20 กรัม (หรือจะมากกว่านี้ก็ได้ตามแต่จะชอบใส่)
น้ำกะทิ ½ ถ้วย
นมสด ¼ ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
น้ำเชื่อม ¼ ถ้วย

วิธีทำ

1. นำเมล็ดแปะก๊วยมาต้มในน้ำร้อนให้สุก แล้วพักทิ้งไว้ให้เย็น
2. นำเห็ดหิมะ (เห็ดหูหนูขาว) มาทำความสะอาดให้เรียบร้อย แช่ให้เห็ดหิมะขยายตัวและนำมาต้มให้สุก และพักทิ้งไว้ให้เย็นเช่นเดียวกันกับเมล็ดแปะก๊วย
3. จากนั้นเตรียมทำน้ำกะทิสดเกล็ดหิมะ ด้วยการนำน้ำกะทิ นมสด และน้ำตาลทรายมาผสมให้เข้ากันต้มจนสุก และพักทิ้งไว้ให้เย็น หลังจากนั้นให้นำไปแช่เย็นจนได้น้ำกะทิสดเกล็ดหิมะ

ขนมไข่


ส่วนผสมขนมไข่

- ไข่ขาวของไข่ไก่ 1 ถ้วยตวง

- แป้งเค้ก 1 ถ้วยตวง

- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

- ผงฟู 1 ช้อนชา


    วิธีทำขนมไข่

1. ตีไข่ให้ขึ้นฟู แล้วเติมน้ำตาลทีละน้อยจนหมด ตีต่อไปจนน้ำตาลตั้งยอดอ่อน

2. ร่อนแป้งผงฟูเข้าด้วยกัน แล้วแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ใส่แป้งส่วนที่ 1 ลงในไข่ที่ตีแล้ว เคล้าเบาๆให้เข้ากัน ใส่น้ำมะนาวลงไป ใส่แป้งส่วนที่ 2 เคล้าเบาๆอีกครั้ง

3. ทาน้ำมันพืชที่พิมพ์ขนมอบให้ร้อน แล้วใส่แป้งที่ผสมลงในพิมพ์ปิดฝาอบให้แป้งสุกแห้งจนขนมเป็นสีทอง แกะขึ้นใส่ถาด พักไว้ให้เย็น

เค้กข้าวโอ๊ด


สิ่งที่ต้องเตรียม
เนยสด100         กรัม
น้ำ125         กรัม
ผงฟู1              ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา1/2          ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 150         กรัม
ชินมามัน             1/2          ช้อนชา
แป้งสาลีเอนกประสงค์     50           กรัม
ข้าวโอ๊ด100         กรัม
ลูกเกด   20           กรัม
วิธีทำ
  1. ผสมเนยสดกับน้ำตาลทราย น้ำ และลูกเกดเข้าด้วยกัน ยกขึ้นตั้งเตาให้ใช้ไฟอ่อน ๆ จนเนยละลายเข้ากัน ยกลงพักไว้
  2. ใส่แป้งสาลีเอนกประสงค์ชิมนามนและข้าวโอ๊ดลงเคล้าผสมจนเข้ากัน
  3. เทส่วนผสมที่ได้ลงพิมพ์ที่ทาเนยขาวและปูกระดาษก้นพิมพ์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 300 องศาฟาเรนไฮด์ นานประมาณ 30 นาที หรือจนกระทั่งสุกเหลืองอย่างที่ต้องการ
  4. เมื่อขนมสุกและเย็นสนิทจึงหั่นให้ได้ขนาดตามต้องการ

มัฟฟินวานิลลา


มัฟฟินวานิลลา
ส่วนผสม
แป้งสาลีอเนกประสงค์300            กรัม
เนยสด150            กรัม
น้ำตาลทราย120            กรัม
นมสด50               กรัม
เกลือ1 / 4             ช้อนชา
ไข่ไก่2                  ฟอง
วานิลลา1                  ช้อนชา
ผงฟู1                   ช้อนชา
วิธีทำ
  1. ร่อนแป้ง ผงฟู รวมกัน พักไว้
  2. ตีเนยสด กับน้ำตาลทรายและเกลือให้ขึ้นฟู ใส่ไข่ทีละฟองตีให้เข้ากัน เติมนมสด วานิลลาผสมให้เข้ากัน
  3. เติมส่วนผสมของแป้งผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยที่รองด้วยกระดาษ นำเข้าเตาอบขนมโดยใช้อุณหภูมิ 200?C ใช้เวลาประมาณ 15 ? 20 นาที หรือจนกระทั่งสุก นำออกจากเตาวางบนตะแกรงทิ้งให้เย็น

วันศุกร์, มีนาคม 1

โรลเค้ก


ขั้นตอนการทำโรลสปองก์
ไข่ .................................. 1 ฟอง
ไข่แดง ............................ 3 ฟอง
ไข่ขาว ............................ 3 ฟอง
น้ำตาลทรายป่น ............... 85 กรัม
แป้งเค้ก (ร่อน 2 ครั้ง) ....... 60 กรัม
นมสด ............................. 60 กรัม
วานิลาเอ็กซ์แทรก ............ 1 ช้อนชา
  1. ผสมไข่กับไข่แดงในชามใบเล็ก เติมวานิลาแล้วตีเบาๆ ให้เข้ากันพักไว้
  2. นำเนยใส่หม้อขนาดเล็ก นำไปละลายบนไฟอ่อน เมื่อละลายแล้วยกลงจากเตา   ให้เติมแป้งที่ร่อนแล้วลงไปทั้งหมดคนให้แป้งและเนยเข้ากันดี แล้วเทส่วนผสมลงอ่างใบเล็ก
  3. ค่อยๆ เติมไข่ลงไปทีละน้อยใช้ไม้พายคนให้เข้ากันแล้วจึงเติมครั้งต่อไป
  4. จากนั้นเติมนมลงไปคนให้เข้ากันอีกครั้ง กรองผ่านกระชอนแล้วพักไว้
  5. นำไข่ขาวใส่โถตี ตีด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟองแล้วเติมน้ำตาลลงไปครึ่งหนึ่ง  เมื่อได้เนื้อที่ละเอียด เติมน้ำตาลส่วนที่เหลือลงไป  ตีจนตั้งยอดและเนื้อเนียนละเอียด
  6. ตักไข่ขาว 1/3 ผสมลงในส่วนผสมไข่แดงคนให้เข้ากันอย่างเบามือ เมื่อเข้ากันดีแล้วตักส่วนที่เหลือลงไปคนให้เข้ากัน
  7. เทส่วนผสมลงถาดที่เตรียมไว้ เกลี่ยหน้าให้เสมอกันแล้วนำเข้าอบประมาณ 18-20 นาทีแล้วแต่เตาอบ เมื่อนำออกจากเตาอบให้วางพักบนตะแกรงค่ะ
  8. เมื่อคลายร้อนลงให้เราค่อยๆ ม้วนสปองก์พักไว้

  9. ขั้นตอนการทำเบอรี่ครีม
    วิปปิ้งครีม ................... 120 กรัม
    น้ำตาลทราย ............... 20 กรัม
    สีแดง ......................... 2 หยด
    รัมขาว ........................ 1/2 ช้อนชา
    แยมเบอรี่รสที่ชอบ ........ 3 ช้อนโต๊ะ
    นำวิปปิ้งครีม สี ใส่โถตี เติมน้ำตาลแล้วตีให้ข้น จากนั้นใส่รัมขาวลงไปตีให้ตั้งยอดอ่อน  จากนั้นใส่แยมลงไปตีต่ออีกนิดเดียวแล้วตักทาลงบนสปองก์ให้เสมอๆ กัน  ม้วนสปองก์ ค่อยๆ ทำค่ะ จากนั้นนำแช่เย็น 1/2 ชั่วโมง

    ขั้นตอนการทำวิปปิ้งครีม
    วิปปิ้งครีม .......... 100 กรัม
    น้ำตาล ............. 1 ช้อนโต๊ะ
    นำวิปปิ้งครีมใส่โถตี เติมน้ำตาลแล้วตีให้ตั้งยอดอ่อน  นำมาปาดโดยรอบของโรล  แล้วพักในตู้เย็นอีก 1 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟตกแต่งด้วยเชอรี่สดด้านบนค่ะ

บราวนี่


ส่วนผสมบราวนี่ (Adapted from Tartine)

ดาร์คช็อคโกแลตสับเป็นชิ้นเล็ก ........................ 270 กรัม
น้ำตาลทรายแดง ......................................... 190 กรัม
เนยจืด .................................................... 100 กรัม
วอลนัทสับหยาบ ......................................... 100 กรัม
แป้งสาลีเอนกประสงค์ ................................... 75 กรัม
ไข่ไก่ ..................................................... 3 ฟอง
กลิ่นวานิลลา ............................................. 1/2 ช้อนชา
เกลือ ..................................................... นิดหน่อย
วิธีทำ
  • วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 175° C
  • นำเนยและดาร์คช็อคโกแลตใส่ในชามทนความร้อน และนำเข้าไมโครเวฟ ให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน (ใส่ในไมโครเวฟประมาณ 2 นาที เปิดแล้วใช้ช้อนไม้คนให้ช็อคโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียวกับเนย ถ้ายังไม่ละลายดี ให้นำเข้าเวฟอีกจนกว่าจะละลายเข้ากัน) พักไว้ให้เย็น
  • ร่อนแป้งใส่ชามพักไว้
  • นำไข่ไก่ น้ำตาลทราย เกลือ และกลิ่นวานิลลาใส่ในชาม และตีให้เข้ากันด้วยความเร็วสูง จนได้เป็นครีมสีอ่อน และเมื่อยกหัวตีขึ้น จะทิ้งรอยครีมให้เห็น
  • ใส่ส่วนผสมช็อคโกแลตลงไป และคนให้เข้ากัน
  • ใส่แป้ง และผสมให้เข้ากันให้เร็วอย่างเบามือ
  • ใส่วอลนัทและผสมให้พอเข้ากัน
  • นำส่วนผสมที่ได้ เทใส่ถาด และเกลี่ยให้หน้าเรียบ (อุ้มใช้ถาดสี่เหลี่ยมขนาด 18x27 ซม.)
  • นำเข้าเตาอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนกระทั่งผิวหน้าของขนมเริ่มแตก และผิวขนมจะนิ่มเมื่อใช้มือแตะ
  • นำมาผึ่งให้เย็นบนตะแกรงแล้วค่อยตัดเป็นชิ้นๆ

Chocolate Pudding


Half-and-Half  ................................................................... 200 ml
(นมสด 100 ml + ครีมสด 100 ml)
ครีมสด  ............................................................................. 240 ml
ดาร์คช็อคโกแลตสับ ( 70-77% Cacao)  ................................... 145 กรัม
น้ำตาลทราย ....................................................................... 80 กรัม
ไข่แดง  ............................................................................. 4 ฟอง
กลิ่นวานิลลา ....................................................................... 1/2 ช้อนชา
เกลือ  ............................................................................... 1 หยิบมือ

ส่วนผสมเพิ่มเติมตามชอบ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิปครีมสำหรับหยอดด้านหน้า
ผงโกโก้ขมสำหรับโรยหน้า
คุกกี้

  • นำช็อคโกแลตสับ ใส่ชาม (สำหรับเข้าไมโครเวฟ) นำช็อคโกแลตไปละลายในไมโครเวฟ อุณหภูมิไม่ต้องสูงมากนะคะ หมั่นเปิด และคนให้ชอคโกแลตละลายให้หมด
  • นำ half-and-half และครีมสด ใส่หม้อตั้งไฟปานกลาง พอครีมเริ่มร้อน แต่ยังไม่ถึงกับเดือด ปิดเตา พักไว้
  • เทส่วนผสมครีมสดและนม ลงในช็อคโกแลตที่ละลายไว้แล้ว  ใช้ตะกร้อมือตีจนส่วนผสมเข้ากันดี
  • ตีไข่และน้ำตาลทรายจนพอเข้ากัน ก็ค่อยๆ เทส่วนผสมนมและช็อคโกแลตลงไป ตีจนเข้ากันดี  เทส่วนผสมลงลงไปในหม้อ ตั้งไฟอ่อน หมั่นคนเสมอด้วยช้อนไม้ จนกระทั่งได้ส่วนผสมที่ข้น  (วิธีเช็คความข้นคือเมื่อยกช้อนไม้ขึ้นมาแล้ว ส่วนผสมที่หยดลงจะทิ้งร่องรอยสักพักนึง หรือส่วนผสมจะเคลือบหลังช้อนไม้ค่ะ)
  • ใช้กระชอนกรองส่วนผสมทั้งหมดลงในชาม เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่เนียนนุ่ม
  • เติมเกลือและกลิ่นวานิลลา ผสมให้เข้ากัน
  • เทใส่ถ้วยหรือภาชนะที่เตรียมไว้ (อุ้มตักพุดดิ้งลงไปก่อนหน่อยนึง แล้ววางคุกกี้ลงไปด้านล่าง ก่อนจะเติมพุดดิ้งลงไปจนเต็มถ้วย เพราะที่บ้านอุ้มจะชอบกินพุดดิ้งแบบมีคุกกี้ด้วย  ใครอยากชิมสูตรเดียวกับบ้านอุ้มก็ลองดูนะคะ)
  • พักไว้ที่อุณหภูมิห้องจนเย็น (หรือจะใช้พลาสติกแรพปิดแนบไปกับด้านบนของเนื้อพุดดิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟองอากาศบนผิวขนม แล้วค่อยนำไปแช่ตู้เย็น)  ปิดแก้วด้วยกระดาษฟอยล์  แล้วนำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งพุดดิ้งเย็นและอยู่ตัวดีค่ะ

** สามารถเก็บพุดดิ้งใว้ในตู้เย็นได้ถึง 4 วันค่ะ

ก่อนจะทาน  ตีครีมสด โดยเติมน้ำตาลทรายลงไปนิดเดียวแค่ให้ออกรสหวานนิดๆ   ตีให้พอตั้งยอด แล้วนำวิปครีมที่ได้ไปบีบลงบนหน้าพุดดิ้ง  โรยด้วยผงโกโก้ขมนิดหน่อย  เท่านี้ช็อคโกแลตพุดดิ้ง สูตรหวานมัน เข้มข้น แสนอร่อย 

พุดดิ้ง นมสด'


1.ผงวุ้น,
2.ผงเจลาติน,
3.น้ำตาลทราย,
4.กลิ่นวานิลลา
5.นมสด         
ขั้นตอนการทำ...
1.ตามสูตรเริ่มจากใช้น้ำสะอาด ลิตร ใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด
 2.ใส่น้ำตาลลงไปประมาณ 600 กรัม
3.ใช้ทัพพีคนจนน้ำตาลละลาย จึงใส่ผงวุ้น ช้อนโต๊ะ และเจลาติน 3 1/2 ช้อนโต๊ะ ตามลงไป
4.คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
5.นำนมสดพาสเจอไรซ์ 900 มิลลิลิตร และนมคาร์เนชั่น ลิตร เทใส่ลงไปในหม้อ ใช้ทัพพีคนสักครู่
6.ก่อนยกลงให้ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป 3 ช้อนชา คนอีก 2-3 ที เพื่อเพิ่มกลิ่นแล้วยกลง ตั้งทิ้งไว้สักครู่จึงกรอกใส่ถ้วยพลาสติกที่เตรียมไว้
7.ช่วงที่ใส่นมสดอย่ารอให้เดือด เพราะเนื้อขนมที่ได้จะไม่สวย สีสันไม่น่ารับประทาน ที่สำคัญตัวนมสดจะจับเป็นก้อน