เครื่องปรุงและส่วนผสม
หัวกะทิ | 1 | ถ้วย |
น้ำพริกแกงเขียวหวาน | 50 | กรัม |
เนื้อไก่ | 250 | กรัม |
หางกะทิหรือน้ำสะอาด | 1 | ถ้วย |
มะเขือเปราะ | 5 | ผล |
มะเขือพวง | 1/4 | ถ้วยตวง |
ใบมะกรูด | 4-5 | ใบ |
พริกชี้ฟ้าสีแดง | 1/4 | ถ้วยตวง |
ใบโหระพา | 1/4 | ถ้วยตวง |
น้ำปลา | 2 | ช้อนโต๊ะ |
น้ำตาลปี๊บ | 1 | ช้อนโต๊ะ |
วิธีการทำ แกงเขียวหวานไก่
1. เนื้อไก่ลอกเอาหนังออกหั่นเป็นชิ้นพอคำ (ถ้าอยากได้แกงไก่เนื้อนุ่มแนะนำให้ใช้เนื้อสะโพกไก่), มะเขือเปราะตัดจุก ผ่าเป็นชิ้นขนาดพอคำ ผลนึงแบ่งได้ 2 หรือ 4 ชิ้นขึ้นอยู่กับขนาด แช่ไว้ในน้ำเกลือ ส่วนผสมน้ำ 1 ลิตรต่อเกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อกันไม่ให้มะเขือเปราะดำ เวลาใช้เทน้ำเกลือทิ้งไป ล้างเอาแต่มะเขือไปใช้นะคะ, มะเขือพวง เด็ดเป็นเม็ดล้างน้ำให้สะอาด, ใบมะกรูดฉีกเอาแต่ใบไม่เอาก้าน, พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ ถ้าชอบเผ็ดๆ ก็หั่นติดแกนเอาเมล็ดพริกลงไปด้วย ถ้าไม่ชอบเผ็ด ก็หั่นอย่าให้ติดเมล็ดพริกนะคะ, โหระพาเด็ดเอาแต่ใบ ล้างน้ำให้สะอาด
2. ตั้งกระทะบนเตา ใส่หัวกะทิลงเคี่ยวให้แตกมัน (แบ่งหัวกะทิใส่ถ้วยไว้สัก 3-4ช้อนโต๊ะ ไว้ใส่ตอนท้าย) จากนั้นใส่น้ำพริกแกงเขียวหวาน ลงไปผัดไฟกลางๆ จนมีกลิ่นหอม (ระวังไหม้นะคะ ถ้าดูจะแห้งเกินไป ตักหางกะทิใส่ลงไปเลี้ยงไม่ให้แห้งเกินไปค่ะ)
3. ระหว่างที่ผัดน้ำพริกแกงเขียวหวาน กับหัวกะทิอยู่ นำหางกะทิใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ รอไว้ ให้ร้อน (หมั่นคน) ระวังอย่าให้น้ำหางกะทิเดือดนะคะ ร้อนแต่ไม่เดือดค่ะ
4. พอผัดน้ำพริกแกงหอมได้ที่แล้ว (สังเกตุได้จากอาการจาม กระแอม ของคนทำและผู้อยู่ใกล้เคียง) ใส่เนื้อไก่ลงไปเคล้ากับส่วนผสมของกะทิกับน้ำพริกแกงที่ผัดเตรียมไว้ ปรุงรสด้วยน้ำปลา เมื่อไก่เริ่มสุกตักส่วนผสมทั้งหมด ใส่ลงในหม้อหางกะทิ ที่ตั้งไฟรอไว้ คนให้เข้ากัน พอแกงเริ่มเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ชิมรสและปรุงเพิ่มตามชอบ เน้นให้รสจัดไว้ก่อนนิดนึง เพราะพอใส่ผักลงไปแล้วรสจะอ่อนลง
5. เร่งไฟให้แกงเดือด ใส่ใบมะกรูด มะเขือพวง มะเขือเปราะ คนแกงให้มะเขือทั้งสองผสมจมลงในน้ำแกง ใส่พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา ปิดฝาหม้อให้แกงเดือดอีกครั้ง (ขั้นตอนนี้ต้องเร็วนะคะ เพราะมะเขือเปราะถ้าโดนอากาศ มันจะดำไม่น่าทานค่ะ) จากนั้นปิดไฟที่เตา ใส่หัวกะทิที่แบ่งไว้ในตอนแรก เป็นอันเสร็จพิธี
2. ตั้งกระทะบนเตา ใส่หัวกะทิลงเคี่ยวให้แตกมัน (แบ่งหัวกะทิใส่ถ้วยไว้สัก 3-4ช้อนโต๊ะ ไว้ใส่ตอนท้าย) จากนั้นใส่น้ำพริกแกงเขียวหวาน ลงไปผัดไฟกลางๆ จนมีกลิ่นหอม (ระวังไหม้นะคะ ถ้าดูจะแห้งเกินไป ตักหางกะทิใส่ลงไปเลี้ยงไม่ให้แห้งเกินไปค่ะ)
3. ระหว่างที่ผัดน้ำพริกแกงเขียวหวาน กับหัวกะทิอยู่ นำหางกะทิใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ รอไว้ ให้ร้อน (หมั่นคน) ระวังอย่าให้น้ำหางกะทิเดือดนะคะ ร้อนแต่ไม่เดือดค่ะ
4. พอผัดน้ำพริกแกงหอมได้ที่แล้ว (สังเกตุได้จากอาการจาม กระแอม ของคนทำและผู้อยู่ใกล้เคียง) ใส่เนื้อไก่ลงไปเคล้ากับส่วนผสมของกะทิกับน้ำพริกแกงที่ผัดเตรียมไว้ ปรุงรสด้วยน้ำปลา เมื่อไก่เริ่มสุกตักส่วนผสมทั้งหมด ใส่ลงในหม้อหางกะทิ ที่ตั้งไฟรอไว้ คนให้เข้ากัน พอแกงเริ่มเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ชิมรสและปรุงเพิ่มตามชอบ เน้นให้รสจัดไว้ก่อนนิดนึง เพราะพอใส่ผักลงไปแล้วรสจะอ่อนลง
5. เร่งไฟให้แกงเดือด ใส่ใบมะกรูด มะเขือพวง มะเขือเปราะ คนแกงให้มะเขือทั้งสองผสมจมลงในน้ำแกง ใส่พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา ปิดฝาหม้อให้แกงเดือดอีกครั้ง (ขั้นตอนนี้ต้องเร็วนะคะ เพราะมะเขือเปราะถ้าโดนอากาศ มันจะดำไม่น่าทานค่ะ) จากนั้นปิดไฟที่เตา ใส่หัวกะทิที่แบ่งไว้ในตอนแรก เป็นอันเสร็จพิธี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น