วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 28

นมอัลมอนด์

1. อัลมอนด์ดิบ
2.อินทผลัม หรือผลไม้เเห้งอื่นๆที่ให้ความหวาน
3.ผงอบเชย
4. เกลือ
5.น้ำสะอาด 



* ก่อนการปรุงจะต้องนำอัลมอนด์ไปแช่น้ำไว้ 1 คืน เพื่อให้รับประทานง่าย ไม่ทำให้ท้องอืด หลังจากแช่น้ำแล้วจะลอกเปลือกทิ้งหรือไม่ลอกก็ได้ กรณีที่ลอกเปลือกทิ้งจะทำให้นมอัลมอนด์มีสีขาว

* อินทผลัม ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ให้พลังงานที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ทันที มีรสหวานใช้แทนน้ำตาล

* วันนี้เราใช้น้ำผึ้งเเทนอินทผาลัม หรือเเม่บ้านท่านใดหาไม่ใด้ ใช้ Dried Plums เเบบในภาพเเทนใด้ค่ะ หรือจะเป็นผลไม้เเห้งที่ให้ความหวานอื่นๆตามชอบ ก่อนนำมาปรุงนำไปควรเเช่น้ำให้เนื้อผลไม้อ่อนนุ่มเพื่อจะใด้ปั่นง่ายขึ้น


วิธีทำ

ใส่ อัลมอนด์ลงในเครื่องปั่น และน้ำสะอาด ในสัดส่วน 1 ต่อ 1 แล้วใส่จากนั้นปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนละเอียด (เราเเอบใส่ฮาฟเเอนด็ฮาฟลงไปนิดหน่อยค่ะ) เติมเกลือเล็กน้อยเพื่อปรุงรสให้กลมกล่อม ใส่ผงอบเชยเพิ่มกลิ่นหอม 

จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้กรองแยกน้ำและกากด้วยผ้าขาวบาง ก็จะได้นมจากอัลมอนด์ดื่มได้ทันที.

วิมเลท


ส่วนผสมวิมเลท
วอดก้า    1 ออนซ์
น้ำไลม์   (Lime Juice)
น้ำแข็งหลอด
แก้วแชมเปญขนาด 4 – 6 ออนซ์
มะนาวฝานแว่นสำหรับตกแต่ง
วิธีผสมวิมเลท
1.ทุบน้ำแข็งให้แหลกแต่ไม่ถึงกับละเอียดมากใส่ลงในแก้ว
2. ใส่วอดก้า แล้วเติมน้ำไลม์ ใช้ช้อนบาร์คนเบาๆ  2 – 3 ครั้ง
3. ประดับด้วยมะนาวฝานแว่น

วอดก้า กิ๊ปสัน


ส่วนผสมวอดก้า กิ๊ปสัน
วอดก้า         1 ออนซ์
ดราย เวอร์มุธ (Dry Vermouth)  1/3 ช้อนชา
แก้วมาร์ตินี่ ขนาด 2-4 ออนซ์  1 แก้ว

วิธีผสมวอดก้า กิ๊ปสัน
1. คลึงแก้วมาร์ตินี่ให้เย็นด้วยน้ำแข็งแล้วพักไว้
2. ใส่น้ำแข็งก้อนลงในแก้วผสม 1/3 ของแก้วผสม
3. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในแก้วผสมแล้วคนด้วยช้อนบาร์แรงๆ เร็วๆ (6-12 ครั้ง)
4. รินส่วนผสมผ่านที่กรองใส่แก้วมาร์ตินี่ ที่คลึงให้เย็นแล้ว
5. ประดับด้วยหอมดอง

พาราไดซ์ ฟิซซ์


ส่วนผสมพาราไดซ์ ฟิซซ์
จิน (Gin)   1 1/2 ออนซ์
น้ำมะนาว 1 ออนซ์
น้ำเชื่อม   3/4 ออนซ์
น้ำเชื่อมทับทิม   1/4 ออนซ์
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว)  2 หยด
โซดา   1/2 ออนซ์
น้ำแข็งหลอดเล็ก
เชคเกอร์
แก้วฟิซซ์ขนาด 12 – 14 ออนซ์
ส้มฝานและเชอร์รี่สำหรับตกแต่ง

วิธีผสมพาราไดซ์ ฟิซซ์
1. ใส่น้ำแข็งและน้ำแข็งทุบ 3/4 ของแก้วลงในเชคเกอร์
2. ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นโซดา ลงในเชคเกอร์ เขย่าแรงๆ เร็วๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน รินพร้อมน้ำแข็งใส่แก้ว
3. ลอยหน้าด้วยโซดา
4.ตกแต่งด้วยส้มฝานและเชอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมหลอดดูด

ฟรุตพั้นช์


ส่วนผสมฟรุตพั้นช์
น้ำสับปะรด 2 ออนซ์
น้ำส้ม 2 ออนซ์
น้ำมะนาว 0.5 ออนซ์
น้ำหวานรสทับทิม 1 ออนซ์
สับปะรดตัดเป็นรูปสามเหลี่ยม
ลูกเชอรี่

    วิธีทำฟรุตพั้นช์

ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเชคเกอร์
ใส่น้ำแข็งก้อน 3/4 ของเชคเกอร์
เขย่าแรงและเร็ว ประมาณ 40 ครั้ง
รินส่วนผสมใส่แก้ว พร้อมน้ำแข็ง
ประดับด้วยสับปะรดตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมและลูกเชอรี่

ขนมปังไมโลเย็น


ส่วนผสม

ไมโลผง 5 ช้อนชา
นมสดไขมันต่ำ 5 ช้อนชา
นมข้นหวาน 5 ช้อนชา
น้ำแข็งบด 1ถ้วยตวง
เนสท์เล่คอร์นเฟลกส์ หรือ โกโก้ครั้นช์ 2 ช้อนโต๊ะ
ขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น

วิธีการทำ

1. ตัดขนมปังโฮลวีตเป็นชิ้นพอดีคำ วางลงบนถ้วยสำหรับเสิร์ฟ
2. เตรียมไมโลเย็น ใส่นำแข็งลงในเครื่องปั่น ตามด้วยไมโลผงและนมข้นหวาน ปั่นให้เข้ากันจนได้เกล็ดละเอียด แล้วตักใส่บนขนมปัง ราดด้วยนมสด แล้วตกแต่งด้วยซีเรียลเนสท์เล่คอร์นเฟลกส์ หรือ โกโก้ครั้นช์

นมข้าวโพด

ส่วนผสม
 ข้าวโพดหวาน 5 ฝัก
 น้ำต้มใบเตย 7 ถ้วยตวง (ใช้ใบเตยล้างหั่นประมาณ 5 ใบ)
 เกลือป่น 1 ช้อนชา


วิธีทำ
1. ลอกเปลือกข้าวโพดออกล้างให้สะอาด ฝานเมล็ดข้าวโพดบาง ๆ (ส่วนเปลือกข้าวโพดนำไปต้ม
น้ำให้หอม)
2. ใส่ข้าวโพดลงในโถปั่น เติมน้ำต้มใบเตยพอควร เปิดสวิชท์ปั่นจนละเอียดดีแล้วกรองผ่านกระชอน (ควรนำส่วนเนื้อข้าวโพดที่กรองได้มาปั่นครั้งที่ 2 พร้อมน้ำใบเตย หรืออาจใช้น้ำข้าวโพดที่ปั่นไว้ก่อน)
3. นำน้ำข้าวโพดทั้งหมด ใส่หม้อสเตนเลสตั้งไฟ เติมเกลือ ควรคนด้วยพายไม้เพื่อไม่ให้ไหม้ ต้มพอสุกข้น ยกลงพักไว้ (ระวังอย่าให้ร้อนถึงจุดเดือด เพราะจะสุกเกินไปเกิดการแยกตัว)
4. เสิร์ฟร้อนหรือเย็นตามชอบ หากชอบหวานผสม
น้ำเชื่อมได้
เทคนิคการทำ
 ควรใช้ข้าวโพดใหม่ สด จะได้นมข้าวโพดที่หอมอร่อย
 ควรปั่นข้าวโพด 2 ครั้ง เพื่อให้ได้น้ำเข้มข้น
 ควรต้มนมข้าวโพดให้สุกข้นจึงหอมอร่อย
 ควรระวังอย่าให้นมข้าวโพดเดือดนานเกินไปจะแยกตัว

ฟักทองเชื่อม


เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* ฟักทอง 500 กรัม
* น้ำตาลทราย 250 กรัม
* น้ำเปล่า 450 กรัม
* น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำกะทิ 100 กรัม
* เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปูนใส
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำฟักทองไปทำความสะอาด และหั่นเป็นชิ้นๆ (จะปอกเปลือกหรือไม่ปอกก็ได้ แล้วแต่ความชอบ) เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำปูนใสประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงนำขึ้นมาล้างน้ำและผึ่งให้แห้ง
2. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้
3. ใส่น้ำเปล่า, น้ำตาลทรายและน้ำมะนาวลงในกระทะทองเหลือง (หรือใช้กระทะเทฟลอนแทนก็ได้) นำไปตั้งไฟร้อนปานกลางรอจนน้ำตาลละลาย จึงใส่ฟักทองลงไปเชื่อมจนสุก จะมีลักษณะเงา ฉ่ำใส จึงปิดไฟ
4. ตักฟักทองใส่ถ้วยและราดหน้าด้วยกะทิ เสริฟได้ทันที

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 25

แกงบวดเผือก


* เผือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 2 1/2 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
* หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
* ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลทราย 40 กรัม
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
* น้ำปูนใส


1. ทำความสะอาดและหั่นเผือกเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนำไปแช่น้ำปูนใสประมาณ 15 นาทีจึงนำไปล้างทำความสะอาดอีกครั้ง และผึ่งให้แห้ง
2. นำหางกะทิ, ใบเตย, น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บใส่ลงไปในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลางจนเดือด
3. ใส่เผือกที่หั่นไว้แล้วลงไป ต้มต่อไปจนเผือกสุกและนุ่ม (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)
4. ใส่หัวกะทิและเกลือลงไป ต้มต่อจนเืดือดอีกครั้งจึงปิดไฟ
5 . ตักใส่ถ้วย สามารถเสริฟทันทีขณะร้อน หรือปล่อยไว้ให้เย็นแล้วค่อยเสริฟเป็นอาหารว่างในวันสบายๆ

ฝอยทอง


* ไข่เป็ด 5 ฟอง
* ไข่ไก่ 5 ฟอง
* น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
* ไข่น้ำค้าง 2 ช้อนโต๊ะ(ไข่ขาวส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือกด้านป้าน)
* น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
* กรวยทองเหลืองหรือกรวยใบตอง (สำหรับโรยไข่ในกระทะ)
* ไม้แหลม (สำหรับตักและพับฝอยทองในกระทะ)

1. ต่อยไข่ไก่และไข่เป็ด เลือกเอาเฉพาะไข่แดง นำออกมากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก
2. ผสมไข่แดง, ไข่น้ำค้างและน้ำมันพืชเข้าด้วยกัน คนจนผสมกันทั่ว
3. นำน้ำลอยดอกมะลิผสมกับน้ำตาลในกระทะทองเหลืองและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด
4. นำส่วนผสมไข่แดงใส่ลงไปในกรวยและนำไปโรยในน้ำเชื่อมที่เดือด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีจนไข่สุกจึงใช้ไม้แหลม สอยขึ้นและพับให้เป็นแพตามต้องการ
5. จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างทางเล่นในวันสบายๆ

ขนมอาลัว


* แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง
* มะพร้าวขูด 350 กรัม
* น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง
* สีผสมอาหาร
  (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้
   เช่น สีเขียว - ใบเตย, สีม่วง - ดอกอัญชัญ)

1. นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกระทิ
2. นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน
3. นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)
4. นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 - 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน
5. จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้



ขนมตะโก้


สำหรับทำตัวตะโก้
* แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง
* น้ำกลิ่นมะลิ 3 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำใบเตยคั้น 1/2 ถ้วยตวง
* แห้วต้มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง
* กระทงหรือแบบสำหรับใส่ขนม
สำหรับทำหน้าตะโก้
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
* กะทิ 2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา

1. เตรียมทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งถั่วเขียว, น้ำตาลทราย, น้ำใบเตยและ น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกันในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนสุกและข้น
2. จากนั้นใส่แห้วจีนต้มที่หั่นเตรียมไว้ลงไปในหม้อ กวนต่ออีกสักครู่จึงปิดไฟ ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงหรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งนึงของแบบ
3. เตรียมทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า, กะทิ และเกลือป่น เข้าด้วยกันในหม้อขนาดเล็ก จากนั้นนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนข้นพอดี จึงปิดไฟ
4. หยอดหน้าตะโก้ลงบนกระทงหรือแบบให้เต็ม ทิ้งไว้ให้เย็น จัดใส่จานเสริฟเป็นของว่างได้ทันที

กล้วยบวดชี


* กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)
* หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร
* หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
* ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
* เกลือ








 วิธีทำ
1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย
3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว
4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที


วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 23

ปลาหมึกยัดไส้

วัตถุดิบปลาหมึกยัดไส้ข้าวญี่ปุ่น Ika Meshi

1. ปลาหมึก 2 ตัว
2. ข้าวญี่ปุ่น 100 กรัม
3. เห็ดหอม 2-3 ดอก

น้ำซอส

1. ผงดาชิ 2 ช้อนโต๊ะ
2. โชยุ 3 ช้อนโต๊ะ
3. สาเก 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาล 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. ขิง 2-3 ชิ้น
6. น้ำเปล่า 2 ถ้วย

วิธีทำปลาหมึกยัดไส้ข้าวญี่ปุ่น Ika Meshi

1. ล้างข้าวญี่ปุ่น ให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชม.
2. นำปลาหมึกมาลอกหนัง ควักไส้ในออก แล้วล้างตัวให้สะอาด
3. ผสมเห็ดหอมที่หั่นไว้แล้วกับข้าวเหนียวและข้าวญี่ปุ่น จากนั้นยัดข้าวในตัวปลาหมึกประมาณ 3/4 ของตัว แล้วใช้ไม้จิ้มฟันกลัดไว้
4. นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในหม้อ ตั้งไฟให้น้ำเดือด แล้วใส่ปลาหมึกลงไปต้มไฟกลางประมาณ 45-60 นาที
5. เมื่อปลาหมึกสุกได้ที่ ตักพักไว้ให้เย็น แล้วจัดจานเสิร์ฟ

นัตตี้สวีทตี้

ส่วนผสมนัตตี้สวีทตี้ – ขนมปังราดถั่วคาราเมล Nutty Sweety

1. ขนมปังโฮลวีท 3 แผ่น
2. เนยถั่ว (Peanut Butter) 3-4 ช้อนโต๊ะ
3. วิปปิ้งครีม (Whipping cream) 2 ถ้วยตวง
4. เม็ดมะม่วงหิมพาน 1/4 ถ้วยตวง
5. อัลมอนด์ 1/4 ถ้วยตวง
6. แมคคาเดเมีย 1/4 ถ้วยตวง
7. เม็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง 1/4 ถ้วยตวง
8. น้ำเชื่อมกลิ่นคาราเมล 1-2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำนัตตี้สวีทตี้ – ขนมปังราดถั่วคาราเมล Nutty Sweety

1. หั่นขนมปังเป็นชิ้นพอดีคำ ทาเนยถั่ว ด้านบน พักไว้
2. ตีวิปปิ้งครีม ด้วยตะกร้อมือให้ขึ้นฟู จากนั้นบีบบนเนยถั่วให้เป็นยอดสวย 
3. โรยด้วยถั่วทั้ง 4 ชนิด และราดด้วย น้ำเชื่อมกลิ่น คาราเมล จัดเสิร์ฟทันที

หมายเหตุ

สามารถใช้วิปปิ้งครีมชนิดสำเร็จรูปได้ แต่จะอยู่ได้ไม่นาน

ไอศกรีมทุเรียน

ส่วนผสมไอศกรีมทุเรียน Durian Ice Cream

1. ทุเรียน 2 พลู หรือ เนื้อทุเรียน 300 กรัม
2. หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
3. หางกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
4. นมสด 1 ถ้วยตวง
5. น้ำตาลปี๊บ 50 กรัม
6. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
7. กลูโคส 2 ช้อนโต๊ะ
8. ไข่ขาวของไข่ไก่ 1 ฟอง
9. เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำไอศกรีมทุเรียน Durian Ice Cream

1. ผสมน้ำตาลทราย กลูโคส เกลือ และไข่ขาว ตีให้น้ำตาลละลาย เข้ากันดี
2. นำเนื้อทุเรียน หัวกะทิ หางกะทิ ตั้งไฟกลางให้พออุ่น
3. ใส่น้ำตาลปี๊บ กับส่วนผสมน้ำตาล ลงในหม้อทุเรียน คอยคนให้น้ำตาลละลาย และกะทิร้อน
4. นำส่วนผสมทุเรียนที่ได้ เทลงรวมกับส่วนผสมนม คนให้เข้ากัน
5. นำส่วนผสมเก็บใส่กล่องปิดฝา แช่ในช่องแช่แข็ง แล้วคอยนำส่วนผสมออกมาคนทุก 1 ชั่วโมง ให้คอยคนและแช่แข็งจนกระทั่งส่วนผสมแข็งตัวเนียน

วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 22

ไอศกรีมสตรอเบอรี่โฮมเมด


ส่วนผสม
นมสด 200 กรัม
ฝักวานิลลา 1/4 ชิ้น (ถ้าไม่มีใช้กลิ่นวานิลลาแทนได้นะคะ)
ไข่แดง 2 ใบ 
น้ำตาล 55 กรัม
วิปปิ้งครีม (แบบมีไขมัน 35%) 150 กรัม 
แยมสตรอเบอรี่ 150 กรัม 

วิธีทำ 

1. ตัดฝักวานิลลาแล้วนำเมล็ดออก
2. ตั้งไฟ นำนมสดใส่หม้อ แล้วนำวานิลลาใส่ลงไป ให้ความร้อนจนนมอุ่น ปิดไฟก่อนเดือด
3. ระหว่างอุ่นนม ให้เตรียมนำ น้ำตาลทราย และไข่แดง ตีให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เทนมอุ่น ลงใน ส่วนผสมข้อ 3 เบาๆ ระหว่างที่เทให้ใช้ตระกร้อตีให้เข้ากันอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเทหมดตีให้เข้ากันอีกครั้ง
5. นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในหม้ออีกครั้ง ตั้งไฟอ่อนประมาณ 82 ~ 83 ℃ กวนด้วยไม้พายอย่างต่อเนื่อง จนส่วนผสมเริ่มข้น
6. กรองส่วนผสมทั้งหมดลงในชาม นำชามที่มีส่วนผสม วางลงบนชามน้ำแข็ง แล้วใช้ไม้พายคนช้าๆ พักไว้
7. อีกชามให้ใส่วิปปิ้งครีมที่วางอยู่ในชามน้ำแข็ง ตีจนวิปปิ้งครีมฟู
8. นำวิปปิ้งครีมผสมกับส่วนผสมข้อ 6 ตีให้เข้ากัน แล้วใส่แยมสตรอเบอรี่ ตีให้เข้ากันอีกครั้ง
9. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในภาชนะที่ไว้ใส่ในช่องแช่แข็ง นำใส่ช่องแช่แข็ง 30 นาที
10. หลังจาก 30 นาทีผ่านไป ให้นำส่วนผสมมากวนด้วยช้อนให้ทั่วๆ ใส่ช่องแช่แข็งอีก 30 นาที
11. หลังจากผ่านไป 30 นาทีนำส่วนผสมออกมากวนอีกครั้งด้วยช้อนให้ทั่วๆอีกครั้ง เมื่อกวนเสร็จแล้วปาดหน้าให้เรียบ
12. แช่เย็นอีกประมาณ 30 นาที จะได้ไอศกรีมสตรอเบอรี่โฮมเมด ไว้ทานให้เย็นชื่นใจแล้วค่ะ 

ชิฟฟ่อนส้ม


ส่วนผสม

  • ไข่ขาว 10 กร้ม
  • น้ำตาล 275 กร้ม
  • น้ำมะนาว / น้ำส้มสายชู 5 กร้ม
  • ไข่แดง 10 ฟอง
  • น้ำ 125 กร้ม
  • น้ำมันพืช 165 กร้ม
  • เกลือป่น 5 กร้ม
  • แป้งเค้ก 225 กร้ม
  • อิมพีเรียลผงฟูดับเบิลแอ็คชั่นตราเบเกอร์สชอยส์ 7 กร้ม

แป้งชิฟฟ่อนนุ่มใส้แยมส้ม ได้สองรสชาติที่หอมหวานนิดๆจากแป้งเค้ก สอดใส้ด้วยรสอมเปรี้ยวนิดๆฉ่ำลิ้นด้วยเนื้อส้ม เค้กที่มีเนื้อเบาๆได้จากการผสมของไข่ขาวตีจนนุ่มฟู ที่เพียงได้ลิ้มลองสักครั้งก็ไม่อยากวางช้อนเลยทีเดียว
วิธีทำ
  1. แยกไข่ขาว, ไข่แดง, นำไข่ขาวผสมน้ำตาลใส่เครื่องผสม ตีด้วยความเร็วปานกลาง หรือ นำน้ำส้มสายชูลงตี กระทั่งตั้งยอดพร้อมผสม, นำไข่แดง, น้ำ, น้ำมันพืช, เกลือ ลงผสมในกะละมังสแตนเลส
  2. ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้ทั่ว ขณะที่ไข่ขาวตั้งยอดแข็งตัวปานกลาง จึงนำแป้งเค้ก, ผงฟูเบเกอร์ช้อยส์ ลงผสมในไข่แดง คนผสมให้ทั่ว จึงนำไข่ขาวมาผสมค่อยๆ คนผสมจนทั่วเทใส่พิมพ์
  3. นำเข้าเตาอบใช้ไฟอุณหภูมิที่ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 25-30 นาที หรือกระทั่งสุก พักไว้เย็น
  4. พร้อมใช้

ขนมปังลูกเกด


ส่วนผสม

  • แป้งขนมปัง 350 กรัม
  • ยีสต์บรักกี้มาน (สีน้ำตาล) 8 กรัม
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • ครีมผงตราเคอรี่แลค 15 กรัม
  • อิมพีเรียลสารเสริมเคเอส 505 5 กรัม
  • เกลือป่น 5 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำเย็น 170 กรัม
  • เนยสดอ่อนตัวตราอลาวรี่ ชนิดจืด 50 กรัม
  • ลูกเกดดำ (นำไปแช่น้ำให้พอนุ่ม) 175 กรัม

ขนมปังลูกเกด

อร่อยแบบเต็มๆ คำกับขนมปังผสมลูกเกด หอมกลิ่นขนมปังที่เราคุ้นเคย ที่ี่เสริมลูกเกดรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัวเข้ากันได้ดีกับชาหรือกาแฟ นี่แหละจิบน้ำชายามบ่ายสมบูรณ์แบบ ก็ต้องมีของหวานมาทานด้วย
วิธีทำ
  1. นำแป้ง, ยีสต์ ใส่เครื่องผสมใช้ตะขอตีผสมให้ยีสต์กับแป้งเข้ากันดี
  2. เติมน้ำตาล, ครีมผงตราเคอรี่แลค, อิมพีเรียลสารเสริมเคเอส 505, เกลือ ตีผสมพอทั่ว
  3. ใส่ไข่ไก่, น้ำเย็น ตีผสมพอทั่ว
  4. ใส่เนยอ่อนตัว ตราอลาวรี่ ชนิดจืด ตีผสมด้วยความเร็วปานกลาง ประมาณ 8 – 10 นาที จนกระทั่งเนื้อแป้งเนียน นำลูกเกดใส่ลงไปคลุกพอทั่ว นำขึ้นพักบนโต๊ะ คลุมด้วยพลาสติก พักไว้ประมาณ 20 นาที
  5. นำแป้งมาตัดแบ่ง ปั้นเป็นก้อนกลมพักไว้อีกประมาณ 20 นาที จึงนำมาปั้นขึ้นรูป ใส่พิมพ์พักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
  6. นำเข้าเตาอบใช้ไฟอุณหภูมิที่ 200 – 220 องศาเซลเซียส
  7. อบประมาณ 20 – 25 นาที หรือกระทั่งสุก พักให้เย็น

คุกกี้สโนว์บอล

เนย 2 แท่ง (ประมาณ 226 กรัม หรือ 1 ถ้วย) 
น้ำตาลทราย 3/4  ถ้วย
วานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ 
อบเชย 1 ช้อนชา
แป้งอเนกประสงค์ 1 + 3/4 ถ้วย (ถ้าทำแล้วส่วนผสมแป้งดูเปียกให้เพิ่มแป้งอเนกประสงค์อีก1-2 ช้อนโต๊ะ) 
ถั่วพีแคนบดหยาบ 1/2 ถ้วย 
น้ำตาลไอซิ่ง ถ้วย
วิธีทำ
1. ตั้งไฟ นำเนยละลายในกระทะ พอเนยละลายหมด ใส่ถั่วพีแคนลงไป คนส่วนผสมเนยและถั่วอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเนยเป็นสีน้ำตาลและเป็นโฟม (ประมาณ 3-5 นาที, คนเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ส่วนผสมไหม้) เมื่อเนยและถั่วเป็นสีน้ำตาล ปิดไฟ นำส่วนผสมแช่ตู้เย็นประมาณ 20-30 นาที (ให้แน่ใจว่าส่วนผสมเนยและถั่วพีแคนเย็นจริงๆ เพราะถ้าไม่เย็นเมื่อนำไปอบจะทำให้คุกกี้เป็นยุบเป็นแผ่นแบน)
2. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 177 °C (350 °F)
3. นำส่วนผสมเนยและถั่วพีแคนที่แช่เย็นไว้ น้ำตาลทราย วานิลลา และอบเชย เทลงในถ้วยผสมใบใหญ่ ตีส่วนผสมด้วย Mixer ความเร็วปานกลาง 
4. ลดความเร็ว Mixer ลง ค่อยๆเติมแป้งลงไปในถ้วยผสมจนแป้งหมด และตีต่อจนส่วนผสมแป้งเข้าที่และอยู่ตัว 
5. ปั้นส่วนผสมแป้งเป็นก้อนกลมๆลงบนถาดอบแบบไม่ต้องใช้น้ำมันทา อบในเตาอบด้วยเวลาประมาณ 12-15 นาที จนคุกกี้ออกสีน้ำตาลทอง นำออกจากเตาอบ วางทิ้งให้เย็นประมาณ 1-2 นาที
6.  นำคุกกี้ที่ยังอุ่นๆคลุกลงในน้ำตาลไอซิ่งก่อน 1 ครั้ง และเมื่อคุกกี้เย็นแล้วให้นำคุกกี้คลุกลงในน้ำตาลไอซิ่งอีก 1 ครั้ง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย


คุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์


ส่วนผสม
แป้ง                                3             ถ้วยตวง
ผงฟู                               1              ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา                     ½             ช้อนชา
เนยสด                            ¾            ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย                      1             ถ้วยตวง
ไข่ไก่                               2             ฟอง                  
เม็ดมะม่วงหิมพานต์             1             ถ้วยตวง ( คั่วบุบพอแตก )
ลูกเกด                             1              ถ้วยตวง
เนยขาว                            1              ช้อนโต๊ะ ( สำหรับทาพิมพ์ )
 
วิธีทำ
1.   ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา เข้าด้วยกันพักไว้
2.   ตีเนยสดให้ขึ้นฟูด้วยความเร็วเครื่องสูงสุด ค่อยๆใส่น้ำตาลทรายทีละน้อย
     จนหมด  ตีต่อไปจนน้ำตาลทรายละลาย   
3.   ลดความเร็วเครื่องปานกลาง ใส่ไข่ไก่ทีละฟอง   ตีส่วนผสม
     ให้เข้ากัน                                                                 
4.   ลดความเร็วเครื่องต่ำ ใส่แป้งสลับกับนมข้นจืดระเหย โดยเริ่มด้วยแป้ง
      และจบด้วยแป้ง  ใส่ลูกเกดและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตีส่วนผสม
     ให้เข้ากันอีกครั้ง
5.   ใช้ช้อนตักหยอดบนถาดที่ทาเนยขาวบางๆ   นำเข้าเตาอบใช้อุณหภูมิ
     180 องศาเซลเซียส   เวลาประมาณ 15 นาที หรือจนกระทั่งสุก

สูตรคุกกี้น้ำตาล

ส่วนผสมสำหรับทำคุกกี้
• เนย (ปล่อยทิ้งไว้ให้นิ่ม)   1 ½   ถ้วย
• น้ำตาลทราย    2  ถ้วย
• ไข่ไก่     4  ฟอง
• กลิ่นวนิลลา    1  ช้อนชา
• แป้งอเนกประสงค์    5  ถ้วย
• ผงฟู     2  ช้อนชา
• เกลือป่น     1  ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ
1. ตีเนยและน้ำตาลในชามใหญ่จนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวนิลลาตามลงไป แล้วตีให้เข้ากัน
3. ใส่แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู และเกลือป่นลงในส่วนผสม แล้วคนให้เข้ากัน
4. นำส่วนผสมห่อพลาสติกถนอมอาหารไว้ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง
5. เตรียมเตาอบ ตั้งความร้อนไว้ที่ 400 องศาฟาเรนไฮท์
6. เมื่อแป้งคุกกี้ได้ที่แล้วนำออกจากตู้เย็น แล้วมานวดให้แผ่ออก (นวดบนกระดาษไขโรยแป้ง) เป็นแผ่น หนาประมาณ ¼ - ½ นิ้ว 
ควรนวดแป้งบนกระดาษไขทีตัดไว้ขนาดพอดีกับถาดที่จะนำเข้าเตาอบ เพื่อให้มีที่บนถาดพอสำหรับคุกกี้ที่จะตัดออกมา7. เมื่อแผ่แป้งออกเสร็จแล้ว ให้ใช้ที่ตัดคุกกี้รูปต่างๆ ตัดแป้งออกมา
8. วางแป้งรูปต่างๆไว้บนถาดที่รองด้วยกระดาษไข ให้แต่ละอันห่างกันประมาณหนึ่งนิ้ว กระดาษไขมีไว้เพื่อคุกกี้จะได้ไม่ติดกับถาด
9. หากต้องการตกแต่งคุกกี้ด้วยน้ำตาลสีหรือน้ำตาลไอซิ่ง ต้องแต่งก่อนจะนำคุกกี้เข้าอบ 
10. นำคุกกี้เข้าอบนาน 6-8 นาที ในเตาที่ตั้งความร้อนเตรียมไว้แล้ว 
11. วางคุกกี้ไว้บนตะแกรง รอให้เย็น

เค้กผลไม้รวม Fruit Cake (ฟรุ๊ตเค้ก)

ส่วนผสม:
  • แป้งเค้ก
  • ผลไม้อบแห้งที่ต้องการ
  • เนยรสจืด
  • น้ำตาลทรายแดง
  • นมจืด
  • เยมส้ม
  • เมล็ดมะม่วงหิมมะพานอบ
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • เกลือ
  • ผงฟู
  • น้ำฝึ้ง
  • เหล้ารำ
ขั้นตอนการทำ:
  1. ร่อนของแห้งทั้งหมดลงผสมให้เข้ากัน แป้งเค้ก+น้ำตาลทรายแดง+เกลือ+ผงฟู
  2. หั่นผลไม้อบแห้งชิ้นพอประมาณไม่ใหญ่เกิดไป
  3. หมักผลไม้อบแห้งด้วยเหล้ารำ
  4. ตีเนยด้วยความเร็วสูง จนกว่าเนยเริ่มจะขึ้นฟู ใส่ไข่ไก่ที่ละ 1 ฟอง ใส่น้ำผึ้งที่เตรียมไว้
  5. ลดความเร็วในการตี ใส่แป้งและนมสดลงไปที่ละนิด
  6. นำผลไม้รวมที่หมักไว้มาใส่ลงในแป้งที่ผสม(เหลือไว้บางส่วนไว้แต่งหน้า) คลุกให้เข้ากัน จากนั้นใส่เมล็ดมะม่วงหิมมะพานลงไป
  7. เตรียมพิมพ์โดยรองกระดาษไขเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเค้กติดกับพิมพ์
  8. โรยผลไม้อบที่เหลือไว้ด้านบน
  9. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศา เป็นเวลา 40 นาที 
  10. นำออกจากเตา โดยให้แกะกระดาษไขออกทันที พักทิ้งไว้ให้เย็น
  11. ตกแต่งหน้าเค้กด้วยแยมส้ม